
ลองนึกถึงบรรยากาศนั่งเพลงโปรดของศิลปินในดวงใจ พี่ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ในสวนหน้าบ้าน พร้อมจิบ "กาแฟคำภีร์" กลิ่นหอมละมุน รสชาตินุ่มนวล ในเช้าวันหยุด คงจะมีความสุขไม่น้อย
“คำภีร์คอฟฟี่” ที่ พี่ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ลงมาทำธุรกิจกาแฟเต็มตัว โดยตั้งใจให้เป็นกาแฟสำหรับคนรักสุขภาพเพราะได้รวมสารสกัดระดับพรีเนี่ยม ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพไว้หลายชนิด ลองไปดูประโยชน์ของสารสกัดแต่ละชนิดกันเลย
1. กาแฟอาราบิก้า : กาแฟที่มีคาเฟอีนน้อย ปริมาณของคาเฟอีนไม่ถึง 2% อาราบิก้ามีกลิ่นที่หอมละมุน รสชาติที่นุ่มนวล ให้กลิ่นที่หอมกว่าโรบัสต้าทำให้กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าเป็นที่นิยมและขายได้มากที่สุดในโลก เฉลี่ยถึง 80%
2. ครีมเทียมจากถั่วเหลือง มีโปรตีนสูง ซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกระดูก อุดมไปด้วยไขมันดีที่ร่างการต้องการ ไม่มีคลอเรสเตอรอล
3. หญ้าหวาน ให้ความหวานโดยปราศจากพลังงานความพิเศษของหญ้าหวาน คือ ส่วนของใบให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 10-15 เท่า แต่ความหวานนี้ไม่ก่อให้เกิดพลังงานแต่อย่างไร (0 แคลอรี/กรัม) นอกจากนี้ยังมีสารสกัดที่เกิดจากหญ้าหวานชื่อว่า สตีวิโอไซด์ (stevioside) เป็นสารที่ให้ความหวานมากกว่า 200-300 เท่าของน้ำตาล ด้วยความพิเศษของหญ้าหวานนี้ หญ้าหวานจึงเป็นพืชที่ได้รับความสนใจทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การแพทย์ ยาสมุนไพร เครื่องดื่ม เป็นต้น สรรพคุณของหญ้าหวาน ได้แก่ มีสารให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายถึง 200-300 เท่าแต่ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ช่วยบำรุงตับอ่อน ช่วยเพิ่มกำลัง สมานแผลทั้งภายในและภายนอก ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมอง
4. L-Carnitine L-Tartrate : แอลคาร์เนทีน สังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโนสองชนิดคือ ไลซีนและเมธไทโอนีน มีบทบาทในการเผาผลาญกรดไขมันมีผลต่อมวลกระดูก มีผลการต้านอนุมูลอิสระ ส่วนใหญ่คาร์นิทีนจะใช้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจ เกี่ยวกับไต เนื่องจากไตสามารถผลิตคาร์นิทีนได้ ผู้เป็นโรคไตอาจนำไปสู่การขาดแคลนคาร์นิทีนในร่างกาย คาร์นิทีนช่วยลดมวลไขมัน เพิ่มเป็นมวลกล้ามเนื้อ และลดความเมื่อยล้า L-carnitine เป็นสิ่งมีประโยชน์ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีระดับแอมโมเนียในกระแสเลือดสูง (hyperammonemia), โรคสมองอักเสบ เพื่อบรรเทาอาการโรคหืด L-carnitine มีบทบาทในการลดความเมื่อยล้าจากการทำเคมีบำบัด จากการใช้ยาifosfamide ปริมาณของคาร์นิทีนที่ควรได้รับต่อวัน โดยทั่วไปคือ 20-200 มิลลิกรัมต่อวัน ที่มา
5. โกจิเบอร์รี่ (เก๋ากี้) มีสรรพคุณหลากหลาย ได้รับขนานนามว่าเป็น “ซุปเปอร์ฟรุต (super fruit)” ผลของโกจิเบอร์รี่มีสีแดงอมส้ม ขนาดเล็ก รสชาติเปรี้ยวอมหวานโกจิเบอร์รี่ยังมีสารสำคัญจำพวกซีแซนทีน (zeaxanthin) และลูทีน (lutein) สูงมากกว่าผักและผลไม้ทั่วไป ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างสารทั้งสองนี้ได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร จากการศึกษา พบว่า ระดับลูทีน 2.0 – 6.9 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดด่างในดวงตาได้ นอกจากนี้ ลูทีน ยังทำหน้าที่เป็นสารต้านออกซิเดชันในดวงตาของคนเราอีกด้วย เพราะในดวงตาของเราจะมีสารอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นตัวทำลายเซลล์รับภาพและทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับจอประสาทตาทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ได้ ส่วนซีแซนทีน พบในโกจิเบอร์รี่ปริมาณสูง โดยมากกว่าสาหร่ายเกลียวทองถึง 5 เท่า ซีแซนทีนเป็นองค์ประกอบสำคัญในจอตา โดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า macular ซึ่งเป็นชั้นของเม็ดสี ทำหน้าที่กรองแสงที่จะผ่านเข้าสู่จอตาและช่วยลดการสะท้อนของแสง ป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ทำให้มีสมบัติช่วยป้องกันโรคหลายชนิด เช่น โรคต้อกระจก โรคจอรับภาพเสื่อม โรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ผลโกจิเบอร์รี่ยังมี เบต้าแคโรทีน (Beta carotene ) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์อีกชนิดหนึ่งโดยพบว่าในผลโกจิเบอร์รี่มีปริมาณเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งสูงกว่าแครอท เบต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติเป็นโปร วิตามินเอ คือ เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ และจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอจากเอนไซม์ที่ตับ ซึ่งวิตามินเอจัดเป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยในการมองเห็น บำรุงสายตา
6.อินนูลิน : เส้นใยจากธรรมชาติ ลดการดูดซึมน้ำตาลเข้ากระแสเลือด เส้นใยจากอินนูลินยังเป็นอาหารของจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพในลำใส้อีกด้วย
7. งาดำ มีแคลเซียมสูงมากกว่านมวัว ถึง 6 เท่า มีวิตามินอี วิตามินบี ช่วยบำรุงระบบประสาท ลดระดับโคเรสเตอรอล เพิ่มมวลกระดูก ป้องกันกระดูกพรุน ป้องกันข้อเสื่อมและข้ออักเสบ ต่อต้านอนุมูลอิสระ
8. แอล อาร์จินิน ไฮโดรคลอไรด์ มีบทบาทในการช่วยส่งเสริมระบบหัวใจเเละหลอดเลือด ซึ่งช่วยในการคลายตัวและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับหลอดเลือด ทำให้โลหิตหมุนเวียนดีเเละลดความดันโลหิต แอลอาร์จินินในร่างกายจะถูกเปลี่ยนให้เป็นสารเคมีที่เรียกว่า nitric oxide ซึ่งสารเคมีนี้เองที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัวกว้างขึ้น เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ใช้ในการเจริญเติบโต อินซูลิน และสาระสำคัญอื่น ๆ ของร่างกาย
9.เห็ดหลินจือ เสริมสร้างภูมิคุุ้มกันของร่างกาย ลดภูมิแพ้ ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตและเบาหวาน ในสมัยโบราณ กล่าวกันว่า เห็ดหลินจือทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีกำลัง ทำให้ความจำดีขึ้น ทำให้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ชัดเจนดีขึ้น ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสีหน้าแจ่มใส ชะลอความแก่ ส่วนสรรพคุณอื่นๆที่ได้รวบรวมไว้ได้แก่ รักษาและต้านมะเร็ง รักษาโรคตับ ความดันโลหิตสูง ขับปัสสาวะ ปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ ภาวะมีบุตรยาก การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคภูมิแพ้ โรคประสาท ลมบ้าหมู เส้นเลือดอุดตันในสมอง อัมพาต อัมพฤกษ์ ปวดเมื่อย ปวดข้อ โรคเกาต์ โรคเอสแอลอี เส้นเลือดหัวใจตีบ ตับแข็ง ตับอักเสบ ปวดประจำเดือน ริดสีดวงทวาร อาหารเป็นพิษ แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ บำรุงสายตา และความเชื่อดังกล่าว ยังคงสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ที่มา
10. แมกนีเซียม อะมิโนแอซิด ชีเลต Magnesium amini acid chelate20% ช่วยส่งเสริมการทำงานของแคลเซียมสร้างความแข็งแรงของกระดูก สนับสนุนการทำงานของระบบประสาท บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยการดูดซึมเผาผลาญแร่ธาตุ บรรเทาอาการปวด ไมเกรน ช่วยป้องกันอาการปวดก่อนมีรอบเดือนลดอาการซึมเศร้า ความเครียด ช่วยให้นอนหลับ รู้สึกสงบ